วิชาพลศึกษา โดย รพีภัทร บุตรน้อย
เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ และทักษะของกระบี่กระบอง สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2555
วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2555
แผนการเรียนรู้
แผนการเรียนรู้
แผนการเรียนรู้การเรียนการสอนโดยใช้นวัตกรรม Weblog
วิชา พลศึกษา สาระที่ 3 เรื่อง การเคลื่อนไหว
การออกกำลังกาย กาเล่นเกม กีฬาไทยและกีฬาสากล
มาตรฐาน พ ๓.๑
|
เข้าใจมีทักษะในกาเคลื่อนไหวกิจกรรมทางกาย
การเล่นเกมและกีฬา
|
ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3
สัปดาห์ที่
|
ตัวชี้วัด
|
สาระแกนกลาง
|
เนื้อหา
|
1
|
นำหลักการ
ความรู้และทักษะในการเคลื่อนไหวกิจกรรมทางกายการเล่นเกม
และการเล่นกีฬาไปใช้สร้างเสริมสุขภาพอย่างต่อเนื่องเป็นระบบ
|
การนำหลักการ
ความรู้ ทักษะในการเคลื่อนไหวกิจกรรมทากาย การเล่นเกม
การเล่นกีฬาไปใช้เป็นระบบสร้างเสริมสุขภาพอย่างต่อเนื่อง
|
ศึกษาประวัติความเป็นมาของวิชากระบี่กระบอง
|
2
|
เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลได้อย่างละ ๑ ชนิด
โดยใช้เทคนิคที่เหมาะสมกับตนเองและทีม
|
เทคนิคและวิธีการเล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลที่เลือก
เช่นกรีฑาประเภทลู่ลาน วอลเล่ย์บอล บาสเกตบอล ดาบสองมือ
เทนนิส
ตะกร้อข้ามตาข่าย ฟุตบอล
|
สืบค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต
|
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจประวัติความเป็นมากระบี่กระบอง
2.เพื่อให้ผู้เรียนได้รู้วิธีการป้องกันตัว และนำไปใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
3.เพื่อให้ผู้เรียนนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
สื่อการเรียนการสอน
กิจกรรมการเรียนรู้
1.จัดกลุ่มนักเรียนออกเป็น2 กลุ่ม กลุ่มละเท่าๆกัน
2.ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลโดยใช้สื่อทางอินเตอร์เน็ต
3.ให้นักเรียนดูสื่อวีดีทัศน์เกี่ยวกับประวัติความเป็นมา
การประเมินผล
1.ความเป็นมาของกระบี่กระบอง
คือ
2.การขึ้นพรหมหมายถึงอะไร
3.การขึ้นพรหมมีกี่รูปแบบ
อะไรบ้าง
4.การขึ้นพรหมแต่ละพรหมต้องมีกี่ทิศ
5.การขึ้นพรหมกระบี่กระบองต้องใช้ทำในโอกาสใด
6.ไม้รำกระบี่กระบองมีกีไม้รำ 7.ก่อนขึ้นพรมต้องปฏิบัติอย่างไรก่อน 8.กระบี่กระบองเป็นเกมของนักรบสมัยรัชกาลใด 9.ประโยชน์ของการเล่นกระบี่กระบอง 10.ปรมาจารย์กระบี่กระบองของไทยคือใคร |
การประมวลผลรายวิชา
ประมวลรายวิชา (Course
syllabus)
สาระการเรียนรู้ วิชา พลศึกษา
สาระที่
๓
การเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากล
การเคลื่อนไหว การออกกำลังกาย การเล่นเกม กีฬาไทย และกีฬาสากล
มาตรฐาน
พ ๓.๑
เข้าใจ มีทักษะการเคลื่อนไหว กิจกรรมทางกาย การเล่นเกมและกีฬา
เข้าใจ มีทักษะการเคลื่อนไหว กิจกรรมทางกาย การเล่นเกมและกีฬา
ชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ ๓
มัธยมศึกษาปีที่ ๓
ตัวชี้วัด
๑. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลได้อย่างละ ๑ ชนิดโดยใช้เทคนิคที่เหมาะสมกับตนเอง
๑. เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลได้อย่างละ ๑ ชนิดโดยใช้เทคนิคที่เหมาะสมกับตนเอง
๒. นำหลักการ ความรู้และทักษะในการเคลื่อนไหว
กิจกรรมทางกาย
การเล่นกม และการเล่นกีฬาไปใช้สร้างเสริมสุขภาพอย่างต่อเนื่องเป็นระบบ
๓. ร่วมกิจกรรมนันทนาการอย่างน้อย ๑ กิจกรรมและนำหลักความรู้วิธีการไปขยายผลการเรียนรู้ให้กับผู้อื่น
๓. ร่วมกิจกรรมนันทนาการอย่างน้อย ๑ กิจกรรมและนำหลักความรู้วิธีการไปขยายผลการเรียนรู้ให้กับผู้อื่น
สาระแกนกลาง
๑. เทคนิคและวิธีการ กีฬาไทยและกีฬาสากลที่เลือก เช่น กรีฑา ประเภทลู่ลาน
วอลเลย์บอลบาสเกตบอล
ดาบสองทือ เทนนิส ตะกร้อข้ามตาข่าย ฟุตบอล
๒.
การนำหลักการ ความรู้ ทักษะในการเคลื่อนไหว กิจกรรมทางกาาย การเล่นเกมการเล่นกีฬาไปใช้เป็นระบบสร้างเสริมสุขภาพอย่างต่อเนื่อง
๓.
การจัดกิจกรรมนันทนาการแก่ผู้อื่น
มาตรฐาน พ ๓.๒
รักการออกกำลังกาย การเล่นเกม
และการเล่นกีฬา
ปฏิบัติเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ
มีวินัย
เคารพสิทธิ กฎ กติกา มีน้ำใจนักกีฬา มีจิตวิญญาณในการแข่งขัน และชื่นชม
ในสุนทรียภาพของการกีฬา
ตัวชี้วัด
๑.
มีมารยาทในการเล่นและดูกีฬาด้วยความมีน้ำใจนักกีฬา
๒. ออกกำลังกายและเล่นกีฬาอย่างสม่ำเสมอและนำแนวคิดหลักการจากการเล่นไปพัฒนาคุณภาพชีวิต
ของตนด้วยความภาคภูมิใจ
๓. ปฏิบัติตนตามกฎ กติกา
และข้อตกลงในการเล่นตามชนิดกีฬาที่เลือกและนำแนวคิดที่ได้ไปพัฒนาคุณภาพชีวิต
ของตนในสังคม
๔. จำแนกกลวิธีการรุก การป้องกัน
และใช้ในการเล่นกีฬาที่เลือกและตัดสินใจเลือกวิธีที่เหมาะสมกับทีมไปใช้ได้ตามสถานการณ์ของการเล่น
สาระแกนกลาง
๑.
มารยาทในการเล่นและการดูกีฬาด้วยความมีน้ำใจนักกีฬา
๒. การออกำลังกายและการเล่นกีฬาประเภทบุคคล
และประเภททีม
๒.๑ การนำประสบการณ์
แนวคิดจากการ ออกกำลังกายและเล่นกีฬาไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาคุณาภาพชีวิต
๓. กฎ
กติกาและข้อตกลงในการเล่นกีฬาที่เลือกเล่น
๓.๑ การประยุกต์ประสบการณ์การปฏิบัติตามกฎ
กติกา
ข้อตกลงในการเล่นกีฬาไปใช้พัฒนาคุณภาพชีวิตของตนในสังคม
๔. วิธีการประยุกต์ใช้กลวิธีการรุกและการป้องกันในการเล่นกีฬาได้ตามสถานการณ์ของการเล่น
โครงสร้างเนื้อหาและปฏิทินการเรียน
สัปดาห์ที่ ๑ ทักษะเบื้องต้นของกีฬากระบี่กระบอง 15 นาที ( ทฤษฎี ) 45 นาที (ปฏิบัติ )
สัปดาห์ที่ ๒ กฎ กติกา มารยาทในการเล่นและการนับคะแนน 1
ชั่วโมง ( ทฤษฎี
)
รูปแบบการเรียน
ปฏิบัติ
๑ ชั่วโมง
ทฤษฎี
๓ ชั่วโมง
การเรียนออนไลน์
การเรียนแบบผสมผสาน
สัดส่วนของการจัดการเรียน 30 % ในชั้นเรียน
ออนไลน์ 20 %
ปฏิบัติ 50 % นอกชั้นเรียน
ออนไลน์ 20 %
ปฏิบัติ 50 % นอกชั้นเรียน
สื่อทางอินเทอร์เน็ต http://sportself-defence.blogspot.com/
การวัดและประเมินผล
ข้อสอบออนไลน์
โดยใช้กูเกิลฟอร์มและนำไปแสดงไว้บน Weblog
โครงงาน
โครงงานออกแบบระบบการเรียนการสอนโดยใช้นวัตกรรมweblog
วิชา พลศึกษา
เสนอโดย
(นาย/นางสาว)รพีภัทร บุตรน้อย
รหัสประจำตัวนักศึกษา 53161301055
1.หลักการและเหตุผล
เทคโนโลยี Weblog
ปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย เพราะสะดวกในการติดต่อสื่อสารและยังมีประโยชน์ในหลายๆด้าน
ทางด้านการศึกษาได้นำเทคโนโลยี Weblog มาเป็นสื่อการสอนเพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจในรายวิชาวอลเลย์บอลได้ง่ายขึ้น
และยังสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารใหม่ๆทางด้านกีฬาวอลเลย์บอล และยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างถูกต้องและเกิดประโยชน์ในรายวิชาต่อไป
2. วัตถุประสงค์
1.
เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใช้เทคโนโลยี Weblog ได้อย่างถูกต้อง
2.
เพื่อให้ผู้เรียนสามารถประยุกต์ใช้ทักษะที่ตนเองมีอยู่และทักษะต่อไปได้
3. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถค้นหาทักษะใหม่ๆเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อที่จะเล่นเป็นทีมได้
4. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถรู้ กฎ กติกา มารยาท ในการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล
3. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถค้นหาทักษะใหม่ๆเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อที่จะเล่นเป็นทีมได้
4. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถรู้ กฎ กติกา มารยาท ในการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล
3.
เป้าหมาย
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
4. วิธีการดำเนินการ
4. วิธีการดำเนินการ
1.
วิเคราะห์ข้อมูล
2.
จัดเตรียมข้อมูลและเขียนแผนการสอน
3.
กำหนดกิจกรรม เนื้อหา
4.
เขียนโครงการเพื่อขอทำโครงการ
5.
นำข้อมูลที่เตรียมไว้เพื่อที่จะเขียนโครงการในรูปแบบของสื่อการเรียนการสอน
6.
กำหนดในการติดตามผล สำรวจการใช้งานของผู้เรียน
7.
ติดตามผลการเรียนของผู้เรียน
8.
สรุปผล และสอบถามปัญหาต่างๆในการใช้สื่อการเรียนการสอน
5.
ผุ้รับผิดชอบโครงการ
นางสาว รพีภัทร บุตรน้อย นักศึกษาชั้นปีที่ 2 รหัสนักศึกษา 53161301055
คณะศึกษาศาสตร์
6.
งบประมาณ
ไม่มี
7.
สถานที่ดำเนินการ
1.
ระบบ Internet ซึ่งดำเนิการติดตั้งและดูแลโดยสถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตอุดรธานี
2.
Weblog ที่ให้บริการโดย Google
8.
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1.
ผู้เรียนเข้าใช้เทคโนโลยี Weblog ได้อย่างถูกต้อง
2. ผู้เรียนสามารถประยุกต์ใช้ทักษะที่ตนเองมีอยู่และทักษะต่อไปได้
3. ผู้เรียนสามารถค้นหาทักษะใหม่ๆเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อที่จะเล่นเป็นทีมได้
4. ผู้เรียนสามารถรู้ กฎ กติกา มารยาท ในการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล
3. ผู้เรียนสามารถค้นหาทักษะใหม่ๆเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อที่จะเล่นเป็นทีมได้
4. ผู้เรียนสามารถรู้ กฎ กติกา มารยาท ในการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล
วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2555
เนื้อหา
ประวัติกีฬากระบี่กระบอง
เริ่มต้นกระบี่กระบองที่แท้จริงนั้นไม่ทราบได้แน่ชัดว่า เริ่มกันมาตั้งแต่ครั้งไหนและใครเป็นผู้คิดค้นขึ้น เพราะไม่สามารถค้นคว้าจากแหล่งใดได้ ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะท่านครูบาอาจารย์รุ่นเก่าๆ ได้เคยเรียนและได้เคยสอนแต่ในทางปฏิบัติอย่างเดียวมิได้ห่วงใยในอันที่จะสั่งสอนในทางทฤษฎีเลย ฉะนั้นศิษย์จึงขาดความรู้ในด้านนี้กันเสียสิ้น แต่ด้วยเหตุที่ไทยเราเป็นนักรบแต่โบราณกาล กระบี่กระบองซึ่งเป็นเกมของนักรบก็น่าจะได้ริเริ่มกันเป็นเวลานานมาแล้วด้วยเหมือนกัน หลักฐานที่พอจะอ้างอิงได้นั้นคาดว่าคงมีแล้วในรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เพราะพระองค์ได้ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ในหนังสืออิเหนา ซึ่งมีข้อความตอนหนึ่งว่า
“ เมื่อนั้นท้าวหมันหยาปรีเปรมเกษมสันต์
เห็นอิเหนาเข้ามาบังคมคัล
จึงปราศรัยไปพลันทันที
ได้ยินระบือลือเล่า
ว่าเจ้าชำนาญการกระบี่
ท่าทางทำนองคล่องดี
วันนี้จงรำให้น้าดู
แล้วให้เสนากิดาหยัน
จัดกันขึ้นตีทีละคู่
โล่ดั้งดาบเชลยมลายู
จะได้ดูเล่นเป็นขวัญตา ”
ตามข้อความที่กล่าวนี้ย่อมจะชี้ให้เห็นว่า กระบี่กระบองคงเป็นที่รู้จักกันดีในสมัยนี้แล้ว ครั้นต่อมาในรัชกาลที่ 3 ท่านสุนทรภู่ได้แต่งเรื่องพระอภัยมณีกับศรีสุวรรณ สององค์พี่น้อง ทูลลาสมเด็จพระราชบิดาไปป่าเพื่อแสวงหาวิชาความรู้อันเป็นประเพณีนิยมจากอาจารย์ทิศาปาโมกข์ ซึ่งในที่สุดก็ได้พบเล่าเรียนกับอาจารย์ ผู้ซึ่งมีวิชาต่างกัน ดังปรากฏในข้อความตอนหนึ่งว่า
“ สิบห้าวันดั้นเดินในไพรสณฑ์
ถึงตำบลบ้านหนึ่งใหญ่หนักหนา
เรียกว่าบ้านจันตคามพราหมณ์พฤฒา
มีทิศาปาโมกข์อยู่สองคน
อาจารย์หนึ่งชำนาญในการปี่
ทั้งดีดสีแสนเสนาะเพราะหนักหนา
ผู้ใดฟังวังเวงในวิญญา
เคลิ้มนิทราลืมกายดังวายปราณ ”
ต่อมาในรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดปรานกระบี่กระบองเป็นพิเศษ ถึงกับโปรดให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอหลายพระองค์ทรงหัดกระบี่กระบองจนครบวง และเมื่อปีขาล พุทธศักราช 2409 ซึ่งเป็นปีที่กำหนดให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมกล้าเจ้าอยู่หัวทรงผนวชเป็นสามเณรตามราชประเพณี ครั้นเมื่อพระองค์ทรงผนวชแล้วโปรดฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอแต่งพระองค์อย่างราชกุมาร ทรงเล่นกระบี่กระบองเป็นการสมโภชที่หน้าพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เจ้านายที่ทรงกระบี่กระบองในครั้งนั้นคือ
คู่ที่ 1 กระบี่กระบอง เจ้าฟ้าตุรนตรัศมี (สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระจักรพรรดิพงศ์)
พระองค์เจ้ากัมลาศเลอสรร (กรมหมื่นราชศักดิ์สโมสร)
คู่ที่ 2 พลอง พระองค์เจ้าคัดนางยุคล (กรมหลวงพิชิตปรีชากร)
พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ (กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์)
คู่ที่ 3 ง้าว พระองค์เจ้าสุขสวัสดิ์ (กรมหลวงอดิศรอุดมเดช)
พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ (กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม)
คู่ที่ 4 ดาบ 2 มือ พระองค์เจ้าอุนากรรณอนันตนรชัย
พระองค์เจ้าชุมพลรัชสมโภช กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์)
การเล่นกระบี่กระบองเริ่มฟักตัวเป็นการใหญ่ในแผ่นดินนี้เอง เพราะตามปกติ เมื่อพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดกีฬาอะไร กีฬาชนิดนั้นก็ย่อมเจริญและเฟื่องฟู ประชาชนพลเมืองก็หันหน้ามาเอาใจใส่ตามไปด้วย ฉะนั้นกระบี่กระบองจึงเล่นกันแพร่หลายในงานสมโภชต่าง ๆ เช่น งานโกนจุก งานบวชนาค งานทอดกฐิน งานทอดผ้าป่า ฯลฯ
เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ ในรัชกาลที่ 4 ทรงเล่นกระบี่กระบองเป็นกันหลายพระองค์เช่นนี้ เข้าใจว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวคงจะทรงกีฬาชนิดนี้เป็นในครั้งนั้นด้วยพระองค์เองด้วยเหมือนกัน เพราะตามหลักฐานปรากฏว่า พระองค์ได้เคยทรงศึกษาวิชามวยและวิชากระบี่กระบอง ฟันดาบกับหลวงพลโยธานุโยค ด้วยเหตุที่พระองค์ทรงเล่นเป็นนี้เองในรัชกาลของพระองค์ พระองค์จึงได้โปรดฯ ให้มีการตีกระบี่กระบองและชกมวยไทยหน้าพระที่นั่งในงานสมโภชอยู่เนืองๆ พระองค์เสด็จทอดพระเนตรและพระราชทานรางวัลแก่ผู้แสดงและแข่งขันบ่อยๆ ฉะนั้นกระบี่กระบองจึงเป็นที่รู้จักมักคุ้นกันมากในกรุง และอาจจะดูได้หลายครั้งในปีหนึ่งๆ สมัยนี้เป็นสมัยที่นิยมชมชอบกันมากที่สุด จึงทำให้กระบี่กระบองมีอยู่ดาษดื่น และมีมากคณะด้วยกัน
ครั้นถึงรัชสมัยรัชกาลที่ 6 ความครึกครื้นในการเล่นกระบี่กระบองชักจะลดน้อยลงไป ถึงแม้ว่าพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จะทรงฝักใฝ่ในวิชานาฎศิลป์ และทรงเข้าพระทัยในศิลปะของวิชากระบี่กระบองก็ตาม แต่ก็ไม่ทรงโปรดปรานมากเท่ากับพระราชบิดาของพระองค์ ถึงกระนั้น ก็ยังมีการจัดกีฬาชนิดนี้ขึ้นถวายเพื่อถวายทอดพระเนตรบ้างเป็นครั้งคราว เช่น ในปีพุทธศักราช 2460 กับ 2462 กระทรวงศึกษาธิการ เนื่องในงานกรีฑาประจำปี ได้จัดการแสดงกระบี่กระบองขึ้นถวายทอดพระเนตรที่สนามหน้าสามัคยาจารย์สมาคม ในการแสดงทั้งสองครั้งนี้ ท่านอาจารย์ นาคเทพหัสดิน ณ อยุธยา ได้แสดงถวายทั้งสองครั้ง ครั้งแรกแสดงง้าว ครั้งหลังแสดงพลอง ในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวนี้ กระบี่กระบองชักน้อยลงไป แต่มวยเป็นที่นิยมมากขึ้น เช่น สมัยที่มีการแข่งขันเก็บเงินค่าผ่านประตู เพื่อซื้ออาวุธให้เสือป่าที่สนามสวนกุหลาบวิทยาลัยเป็นต้น รู้สึกว่าสนุกสนานและครึกครื้นยิ่งอยู่พักหนึ่ง ครั้นต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 7 กระบี่กระบองก็ค่อยๆ หมดไปๆ จนเกือบจะหาดูไม่ค่อยได้
ท่านอาจารย์ นาค เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นผู้หนึ่งที่ได้เล่าเรียนวิชานี้มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กและเป็นผู้ที่รักใคร่ในศิลปะวิชานี้อยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อท่านได้แลเห็นต่างชาติเขาภูมิใจในศิลปะประจำชาติของเขา เช่น ชาติเยอรมันและญี่ปุ่น เขายกย่องวิชาฟันดาบและวิชายูโดของเขาว่าเป็นเลิศ พยายามสงวนและเผยแพร่ให้เป็นที่ประจักษ์แก่โลกมากเพียงใด ก็ยิ่งทำให้ท่านบูชาวิชากระบี่กระบองของไทยไว้เหนือสิ่งใด ๆ มากขึ้นเพียงนั้น ในโอกาสที่ท่านเป็นอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนพลศึกษากลาง ท่านได้เริ่มลองสั่งสอนนักเรียนพลศึกษากลางขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2478 ทดลองสอนอยู่ 1 ปี ได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจของท่านผู้ใหญ่ จึงได้กำหนดวิชากระบี่กระบองไว้ในหลักสูตรของประโยคครูผู้สอนพลศึกษา เมื่อ ปี พ.ศ.2479 นับแต่นั้นมาได้มีผู้เล่าเรียนและสำเร็จมากขึ้นเป็นลำดับ
แหล่งที่มา http://www.youtube.com/watch?v=_x_CWYMG0B8
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)